ทำความรู้จักต้นทุนบริการ และดอกเบี้ยสุทธิ ตามมาตรฐาน TAS 19 (เรื่องใหม่ที่ไม่มีใน TFRS for NPAEs)
- อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน)
- 25 ก.ค.
- ยาว 2 นาที

จากบทความ การเปลี่ยนผ่านจาก NPAEs สู่ PAEs และการคำนวณผลประโยชน์พนักงาน ทำให้เราทราบแล้วว่า เมื่อเปลี่ยนมาตรฐานจาก TFRS for NPAEs มาเป็น TAS 19 นั้น กิจการจะต้องพบเจอกับความแตกต่างในหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือวิธีรับรู้ค่าใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณ โดยมาตรฐาน TAS 19 นั้นกำหนดไว้ว่ากิจการจะต้องรับรู้ค่าใช้จ่ายออกเป็น 2 ส่วนคือ ต้นทุนบริการ (Service Cost) และ ดอกเบี้ยสุทธิ (Interest Cost) ซึ่งเราจะมาทำความเข้าใจในเรื่องนี้กัน
ต้นทุนบริการ (Service Cost)
มาตรฐาน TAS 19 ได้จำแนกส่วนประกอบของต้นทุนบริการเอาไว้ดังนี้
ต้นทุนบริการปัจจุบัน (Current Service Cost) คือ ส่วนเพิ่มของมูลค่าปัจจุบันของภาระผูกพันของผลประโยชน์ที่เกิดจากบริการที่พนักงานได้ให้บริการในงวดปัจจุบัน
ต้นทุนบริการในอดีต (Past Service Cost) คือ การเปลี่ยนแปลงของมูลค่าปัจจุบันของภาระผูกพัน ตามโครงการผลประโยชน์สำหรับบริการที่พนักงานได้ให้บริการในงวดก่อน ๆ ซึ่งเกิดจากการแก้ไขโครงการหรือลดขนาดโครงการลง
ผลกำไรหรือขาดทุนจากการจ่ายชำระผลประโยชน์ (Gains and Losses on Settlement)
โดยในที่นี้ เราจะมาเริ่มต้นทำความเข้าใจในเรื่องต้นทุนบริการปัจจุบัน (Current Service Cost) กันก่อน ในการคำนวณผลประโยชน์พนักงานตาม TAS 19 นั้น มีหลักการง่าย ๆ คือ ทยอยตั้งเงินสำรองเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไปพร้อม ๆ กับที่พนักงานทำงานให้กิจการ
ยกตัวอย่างเช่น หากประเมินแล้วว่า พนักงานจะได้รับเงินชดเชยกรณีเกษียณอายุ 1,000,000 บาท ในอีก 10 ปีข้างหน้า กิจการก็จะต้องทยอยตั้งเงินสำรองปีละ 100,000 บาท เมื่อครบ 10 ปีก็จะได้เงิน 1,000,000 บาทพอดี และเงิน 100,000 บาทนี้เองคือ ต้นทุนบริการปัจจุบัน (แน่นอนว่าเป็นเพียงตัวอย่างให้เห็นภาพเท่านั้น การคำนวณต้นทุนบริการปัจจุบันจริง ๆ จะซับซ้อนกว่านี้มาก)
เพราะฉะนั้น อาจกล่าวได้ว่า ต้นทุนบริการปัจจุบันคือเงินสำรองที่บริษัทจะต้องตั้งเพิ่มขึ้นจากการที่พนักงานทำงานให้บริษัทนานขึ้นอีก 1 ปี
ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Cost)
ดอกเบี้ยสุทธิ หรือ Interest Cost เป็นอะไรที่ค่อนข้างเข้าใจได้ยาก โดยตาม TAS 19 ได้ให้ความหมายเอาไว้ว่า มันคือ การเปลี่ยนแปลงระหว่างงวดในหนี้สิน (สินทรัพย์) ผลประโยชน์ที่กำหนดไว้สุทธิที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเวลา
โดยส่วนประกอบที่สำคัญคือดอกเบี้ยสุทธิ ก็คือ ดอกเบี้ยสุทธิของภาระผูกพันตามโครงการผลประโยชน์ และ ดอกเบี้ยสุทธิของสินทรัพย์โครงการ ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้จะมีทิศทางตรงข้ามกันเสมอ
ก่อนจะทำความเข้าใจเรื่องดอกเบี้ยสุทธิ เรากลับมาดูเรื่องแนวคิดของการคำนวณผลประโยชน์พนักงานกันอีกซักรอบ จากตัวอย่างเดิมที่ ประเมินแล้วว่า พนักงานจะได้รับเงินชดเชยกรณีเกษียณอายุ 1,000,000 บาท ในอีก 10 ปีข้างหน้า กิจการก็จะต้องทยอยตั้งเงินสำรองปีละ 100,000 บาท เพื่อให้ครบ 1,000,000 บาทในอีก 10 ปี ซึ่งแนวคิดนี้ ถือว่าถูกต้องในกรณีที่ไม่มีการนำอัตราดอกเบี้ยเข้ามาร่วมคำนวณด้วย
แล้วถ้ามีอัตราดอกเบี้ยล่ะ จะเป็นยังไง
ในปีที่ 1 เมื่อพนักงานทำงานครบ 1 ปี ก็ตั้งเงินไว้ 100,000 บาทตามที่คำนวณได้
ในปีที่ 2 เมื่อพนักงานทำงานครบอีก 1 ปี เงิน 100,000 บาทที่ตั้งไว้ก็จะเติบโตขึ้นตามอัตราดอกเบี้ย เช่น หากคำนวณไว้ว่าอัตราดอกเบี้ยคือ 5% เท่ากับว่าเงินจะเพิ่มขึ้นเป็น 105,000 บาท ทำให้ปีที่ 2 ตั้งเงินเพิ่มขึ้นแค่ 95,000 บาท
จากตัวอย่างนี้ 95,000 บาทคือต้นทุนบริการในปีที่ 2 และ 5,000 บาทคือดอกเบี้ยสุทธิของภาระผูกพันตามโครงการผลประโยชน์ รวมค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนของปีที่ 2 คือ 100,000 บาท
ซึ่งเมื่ออ่านถึงตรงนี้ก็อาจจะไม่เข้าใจว่า ดอกเบี้ยถึงกลายเป็นค่าใช้จ่ายเมื่อคำนวณผลประโยชน์พนักงานตาม TAS 19 ไปเสียได้ และคำตอบก็คือ เพราะ กิจการไม่ได้มีการนำเงินสำรองที่ว่าไปลงทุนให้เติบโตจริง ๆ แต่เป็นเพียงตัวเลขที่รับรู้ในทางบัญชีเท่านั้น เท่ากับว่าเงินไม่ได้โตขึ้นตามดอกเบี้ยจริง ๆ ถ้าเราคำนวณผลประโยชน์พนักงานโดยกำหนดว่าอัตราดอกเบี้ยคือ 5% แต่ไม่เอาเงิน 100,000 บาทในปีแรกไปลงทุนจริง ๆ ก็จะไม่มีเงิน 5,000 บาทงอกเงยออกมา จึงกลายเป็นหน้าที่ของกิจการที่ต้องควักเงิน 5,000 บาทออกมาโปะให้เต็มตามที่คำนวณไว้
แล้วถ้ามีการไปลงทุนจริง ๆ จะเกิดอะไรขึ้น
จากตัวอย่าง หากนำเงิน 100,000 บาทไปลงทุนจริง ๆ และได้ผลตอบแทนกลับมา 3,000 บาท เงิน 3,000 ที่ว่านี้คือ ดอกเบี้ยสุทธิของสินทรัพย์โครงการ เมื่อไปหักลบกันกับ ดอกเบี้ยสุทธิของภาระผูกพันตามโครงการผลประโยชน์ เท่ากับว่าดอกเบี้ยสุทธิของปีที่ 2 จะเท่ากับ 2,000 บาทเท่านั้น รวมค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนของปีที่ 2 คือ 95,000 + 2,000 = 97,000 บาท
แน่นอนว่าทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ไม่ใช่วิธีการคำนวณผลประโยชน์พนักงานตาม TAS 19 จริง ๆ เป็นเพียงการยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้นเท่านั้น ในการคำนวณจริงย่อมมีอะไรที่ซับซ้อนมากกว่านี้
ดังนั้น เพื่อลดความยุ่งยาก กิจการสามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะนักคณิตศาสตร์ประกันภัยได้ และหากยังไม่แน่ใจว่าควรมองหานักคณิตศาสตร์ประกันภัยท่านใด ทางบริษัท ABS พร้อมเป็นตัวเลือก โดย ABS นั้นมีบริการคำนวณผลประโยชน์พนักงานด้วยหลักวิชาการที่ถูกต้อง โดยทีมคณิตศาสตร์ประกันภัยที่ได้รับการรับรองจากสถาบันวิชาชีพระดับโลก เราครอบคลุมทุกความต้องการด้านบัญชีผลประโยชน์พนักงาน พร้อมคำปรึกษาที่เข้าใจง่ายและตรงจุด มีประสบการณ์จริงกว่า 25 ปี และฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งกว่า 2,000 บริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศ
เขียนและเรียบเรียงโดย อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน)
FSA, FIA, FRM, FSAT, MBA, MScFE (Hons), B.Eng (Hons)
อดีตนายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย และอาจารย์บรรยายด้านการคำนวณผลประโยชน์พนักงานด้วยหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย ตามมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 19
ขอสงวนสิทธิ์ของเนื้อหาในบทความ ไม่ให้นำไปใช้แสวงหาผลประโยชน์ใด ๆ ในเชิงพาณิชย์ นอกจากจะได้รับอนุญาตจากทางบริษัท ABS เท่านั้น
Comentarios