top of page

ทำความรู้จักต้นทุนบริการ และดอกเบี้ยสุทธิ ตามมาตรฐาน TAS 19 (เรื่องใหม่ที่ไม่มีใน TFRS for NPAEs)

Man thinking with arrows on chalkboard, hands handling papers. Blue tones, office setting. Thai text discusses TAS 19 accounting standards.

จากบทความ การเปลี่ยนผ่านจาก NPAEs สู่ PAEs และการคำนวณผลประโยชน์พนักงาน ทำให้เราทราบแล้วว่า เมื่อเปลี่ยนมาตรฐานจาก TFRS for NPAEs มาเป็น TAS 19 นั้น กิจการจะต้องพบเจอกับความแตกต่างในหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือวิธีรับรู้ค่าใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณ โดยมาตรฐาน TAS 19 นั้นกำหนดไว้ว่ากิจการจะต้องรับรู้ค่าใช้จ่ายออกเป็น 2 ส่วนคือ ต้นทุนบริการ (Service Cost) และ ดอกเบี้ยสุทธิ (Interest Cost) ซึ่งเราจะมาทำความเข้าใจในเรื่องนี้กัน

ต้นทุนบริการ (Service Cost)

มาตรฐาน TAS 19 ได้จำแนกส่วนประกอบของต้นทุนบริการเอาไว้ดังนี้

  • ต้นทุนบริการปัจจุบัน (Current Service Cost) คือ ส่วนเพิ่มของมูลค่าปัจจุบันของภาระผูกพันของผลประโยชน์ที่เกิดจากบริการที่พนักงานได้ให้บริการในงวดปัจจุบัน

  • ต้นทุนบริการในอดีต (Past Service Cost) คือ การเปลี่ยนแปลงของมูลค่าปัจจุบันของภาระผูกพัน ตามโครงการผลประโยชน์สำหรับบริการที่พนักงานได้ให้บริการในงวดก่อน ๆ ซึ่งเกิดจากการแก้ไขโครงการหรือลดขนาดโครงการลง

  • ผลกำไรหรือขาดทุนจากการจ่ายชำระผลประโยชน์ (Gains and Losses on Settlement)


โดยในที่นี้ เราจะมาเริ่มต้นทำความเข้าใจในเรื่องต้นทุนบริการปัจจุบัน (Current Service Cost) กันก่อน ในการคำนวณผลประโยชน์พนักงานตาม TAS 19 นั้น มีหลักการง่าย ๆ คือ ทยอยตั้งเงินสำรองเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไปพร้อม ๆ กับที่พนักงานทำงานให้กิจการ


ยกตัวอย่างเช่น หากประเมินแล้วว่า พนักงานจะได้รับเงินชดเชยกรณีเกษียณอายุ 1,000,000 บาท ในอีก 10 ปีข้างหน้า กิจการก็จะต้องทยอยตั้งเงินสำรองปีละ 100,000 บาท เมื่อครบ 10 ปีก็จะได้เงิน 1,000,000 บาทพอดี และเงิน 100,000 บาทนี้เองคือ ต้นทุนบริการปัจจุบัน (แน่นอนว่าเป็นเพียงตัวอย่างให้เห็นภาพเท่านั้น การคำนวณต้นทุนบริการปัจจุบันจริง ๆ จะซับซ้อนกว่านี้มาก)


เพราะฉะนั้น อาจกล่าวได้ว่า ต้นทุนบริการปัจจุบันคือเงินสำรองที่บริษัทจะต้องตั้งเพิ่มขึ้นจากการที่พนักงานทำงานให้บริษัทนานขึ้นอีก 1 ปี


ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Cost)

ดอกเบี้ยสุทธิ หรือ Interest Cost เป็นอะไรที่ค่อนข้างเข้าใจได้ยาก โดยตาม TAS 19 ได้ให้ความหมายเอาไว้ว่า มันคือ การเปลี่ยนแปลงระหว่างงวดในหนี้สิน (สินทรัพย์) ผลประโยชน์ที่กำหนดไว้สุทธิที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเวลา

โดยส่วนประกอบที่สำคัญคือดอกเบี้ยสุทธิ ก็คือ ดอกเบี้ยสุทธิของภาระผูกพันตามโครงการผลประโยชน์ และ ดอกเบี้ยสุทธิของสินทรัพย์โครงการ ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้จะมีทิศทางตรงข้ามกันเสมอ


ก่อนจะทำความเข้าใจเรื่องดอกเบี้ยสุทธิ เรากลับมาดูเรื่องแนวคิดของการคำนวณผลประโยชน์พนักงานกันอีกซักรอบ จากตัวอย่างเดิมที่ ประเมินแล้วว่า พนักงานจะได้รับเงินชดเชยกรณีเกษียณอายุ 1,000,000 บาท ในอีก 10 ปีข้างหน้า กิจการก็จะต้องทยอยตั้งเงินสำรองปีละ 100,000 บาท เพื่อให้ครบ 1,000,000 บาทในอีก 10 ปี ซึ่งแนวคิดนี้ ถือว่าถูกต้องในกรณีที่ไม่มีการนำอัตราดอกเบี้ยเข้ามาร่วมคำนวณด้วย


แล้วถ้ามีอัตราดอกเบี้ยล่ะ จะเป็นยังไง

  • ในปีที่ 1 เมื่อพนักงานทำงานครบ 1 ปี ก็ตั้งเงินไว้ 100,000 บาทตามที่คำนวณได้

  • ในปีที่ 2 เมื่อพนักงานทำงานครบอีก 1 ปี เงิน 100,000 บาทที่ตั้งไว้ก็จะเติบโตขึ้นตามอัตราดอกเบี้ย เช่น หากคำนวณไว้ว่าอัตราดอกเบี้ยคือ 5% เท่ากับว่าเงินจะเพิ่มขึ้นเป็น 105,000 บาท ทำให้ปีที่ 2 ตั้งเงินเพิ่มขึ้นแค่ 95,000 บาท

จากตัวอย่างนี้ 95,000 บาทคือต้นทุนบริการในปีที่ 2 และ 5,000 บาทคือดอกเบี้ยสุทธิของภาระผูกพันตามโครงการผลประโยชน์ รวมค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนของปีที่ 2 คือ 100,000 บาท


ซึ่งเมื่ออ่านถึงตรงนี้ก็อาจจะไม่เข้าใจว่า ดอกเบี้ยถึงกลายเป็นค่าใช้จ่ายเมื่อคำนวณผลประโยชน์พนักงานตาม TAS 19 ไปเสียได้ และคำตอบก็คือ เพราะ กิจการไม่ได้มีการนำเงินสำรองที่ว่าไปลงทุนให้เติบโตจริง ๆ แต่เป็นเพียงตัวเลขที่รับรู้ในทางบัญชีเท่านั้น เท่ากับว่าเงินไม่ได้โตขึ้นตามดอกเบี้ยจริง ๆ ถ้าเราคำนวณผลประโยชน์พนักงานโดยกำหนดว่าอัตราดอกเบี้ยคือ 5% แต่ไม่เอาเงิน 100,000 บาทในปีแรกไปลงทุนจริง ๆ ก็จะไม่มีเงิน 5,000 บาทงอกเงยออกมา จึงกลายเป็นหน้าที่ของกิจการที่ต้องควักเงิน 5,000 บาทออกมาโปะให้เต็มตามที่คำนวณไว้


แล้วถ้ามีการไปลงทุนจริง ๆ จะเกิดอะไรขึ้น

จากตัวอย่าง หากนำเงิน 100,000 บาทไปลงทุนจริง ๆ และได้ผลตอบแทนกลับมา 3,000 บาท เงิน 3,000 ที่ว่านี้คือ ดอกเบี้ยสุทธิของสินทรัพย์โครงการ เมื่อไปหักลบกันกับ ดอกเบี้ยสุทธิของภาระผูกพันตามโครงการผลประโยชน์ เท่ากับว่าดอกเบี้ยสุทธิของปีที่ 2 จะเท่ากับ 2,000 บาทเท่านั้น รวมค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนของปีที่ 2 คือ 95,000 + 2,000 = 97,000 บาท

แน่นอนว่าทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ไม่ใช่วิธีการคำนวณผลประโยชน์พนักงานตาม TAS 19 จริง ๆ เป็นเพียงการยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้นเท่านั้น ในการคำนวณจริงย่อมมีอะไรที่ซับซ้อนมากกว่านี้


ดังนั้น เพื่อลดความยุ่งยาก กิจการสามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะนักคณิตศาสตร์ประกันภัยได้ และหากยังไม่แน่ใจว่าควรมองหานักคณิตศาสตร์ประกันภัยท่านใด ทางบริษัท ABS พร้อมเป็นตัวเลือก โดย ABS นั้นมีบริการคำนวณผลประโยชน์พนักงานด้วยหลักวิชาการที่ถูกต้อง โดยทีมคณิตศาสตร์ประกันภัยที่ได้รับการรับรองจากสถาบันวิชาชีพระดับโลก เราครอบคลุมทุกความต้องการด้านบัญชีผลประโยชน์พนักงาน พร้อมคำปรึกษาที่เข้าใจง่ายและตรงจุด มีประสบการณ์จริงกว่า 25 ปี และฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งกว่า 2,000 บริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศ


FSA, FIA, FRM, FSAT, MBA, MScFE (Hons), B.Eng (Hons)

อดีตนายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย และอาจารย์บรรยายด้านการคำนวณผลประโยชน์พนักงานด้วยหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย ตามมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 19


ขอสงวนสิทธิ์ของเนื้อหาในบทความ ไม่ให้นำไปใช้แสวงหาผลประโยชน์ใด ๆ ในเชิงพาณิชย์ นอกจากจะได้รับอนุญาตจากทางบริษัท ABS เท่านั้น

 
 
 

Comentarios


bottom of page